การเทรดค่าเงินคืออะไร
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสกุลเงิน ซึ่งเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างสกุลพร้อมกันในตลาด รวมถึงเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดเงินที่มีสภาพคล่องสูงสุดและใหญ่ที่สุดในโลก
การเทรดค่าเงินคืออะไร
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสกุลเงิน ซึ่งเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างสกุลพร้อมกันในตลาด รวมถึงเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดเงินที่มีสภาพคล่องสูงสุดและใหญ่ที่สุดในโลก
การเทรดค่าเงินคืออะไร
การเทรดค่าเงินได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากบรรดาเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญรวมถึงมือใหม่ในศตวรรษนี้ ก่อนที่จะมีตลาดสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ค่าเงินเป็นสินทรัพย์ประเภทที่บุคคลยากที่จะเทรดหรือลงทุนได้
สิทธิการครอบครองหุ้นได้เติบโตตลอดปลายศตวรรษที่ 20 ขณะที่สิทธิการครอบครองตราสารหนี้จะต้องดำเนินการผ่านกองทุนเพื่อการลงทุนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แต่เดิมนั้นการซื้อขายเงินตราจะเป็นเรื่องของวงการสถาบันขนาดใหญ่ ยกเว้นว่าคุณจะแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ
สิ่งที่ในขณะนี้เราเรียกว่าการเทรดค่าเงินเป็นการแลกเปลี่ยนเงินสกุลหนึ่งกับอีกสกุล และการแลกเปลี่ยนเช่นนี้ทำให้การเทรดค่าเงินแตกต่างจากตลาดอื่นๆ
เมื่อคุณเทรดค่าเงิน เท่ากับคุณกำลังคาดหวังว่าเงินสกุลหนึ่งจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยเทียบกับอีกสกุล ดังนั้น จึงเป็นการเทรด “ค่าที่มีการเปรียบเทียบ” ซึ่งเราหมายความว่าคุณจะมองว่าค่าเงินสกุลหนึ่งจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนค่าเงินอีกสกุลจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสกุลแรก
เมื่อกำลังเทรดค่าเงิน เราจะต้องตัดสินใจว่าเงินสกุลใดที่เราคาดว่าจะมีค่าเพิ่มขึ้นและสกุลใดที่ค่าจะลดลง โดยเทียบกันและกัน
ประโยชน์ของการเทรดค่าเงิน
ประโยชน์หลักสามประการจากการเทรดค่าเงิน:
- มีความหลากหลายโดยเปิดโอกาสให้เทรดเงินหลายสกุล
- ค่าเงินอาจปรับตัวอย่างรวดเร็วและนำเสนอโอกาสให้เทรดเดอร์ได้ประโยชน์จากการปรับตัวของราคาโดยมีสิ่งกระตุ้น
- ตลาดที่เปิด 24 ชั่วโมงซึ่งมีสภาพคล่องสูงมากโดยเปิดตั้งแต่วันอาทิตย์-ศุกร์
ประวัติย่อของการเทรดค่าเงิน
ประวัติของตลาดเงินย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณและกรีซ รวมถึงไกลกว่านั้นในยุคของพระคัมภีร์ไบเบิลที่มีการแลกเงินในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Land) ในยุคกลาง จะพบการเทรดค่าเงินระหว่างธนาคารต่างประเทศกับสมุดบัญชีของตระกูล Medici ในศตวรรษที่ 15 ส่วนระบบ Gold Standard Monetary, ระบบ Bretton Woods หลังสงครามโลกครั้งที่สอง, ข้อตกลง Smithsonian และ Plaza Accord ล้วนเป็นความก้าวหน้าในศตวรรษที่ 19 และ 20 จนถึงยุคสมัยใหม่ที่มีการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัวซึ่งขณะนี้เรานำมาใช้โดยไม่มีข้อสงสัย
ตลาดเงิน สมัยใหม่และผู้มีบทบาทสำคัญ
ทุกวันนี้ ตลาดเงินเป็นสินทรัพย์ประเภทที่เทรดมากที่สุดในโลกโดยมีธุรกรรมระหว่าง $5-7 ล้านล้านในแต่ละวันของสัปดาห์การเทรด ผู้มีบทบาทสำคัญในตลาดเหล่านี้ ได้แก่
- ธนาคารเพื่อการลงทุน
- ธนาคารพาณิชย์
- ธนาคารกลาง
- บริษัทข้ามชาติ
- โบรกเกอร์สถาบัน
ระหว่างบริษัทที่มีอำนาจเหล่านี้ จะมีเทรดเดอร์บุคคล เทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญและเทรดเดอร์รายย่อยที่ต้องการทำกำไร
ปัจจัยใดที่กระทบต่อตลาดเงิน
ปัจจัยจำนวนมากผลักดันให้ตลาดเงินเคลื่อนไหว แต่มีปัจจัยหลักอยู่สี่รายการ ได้แก่
- ข้อมูลเศรษฐศาสตร์มหภาค — ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นผู้ออกสกุลเงินจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อค่าเงิน อธิบายคร่าวๆ ก็คือยิ่งมุมมองทางเศรษฐกิจดีเท่าใด ค่าเงินก็ยิ่งแข็งค่ามากเท่านั้น และหากมุมมองทางเศรษฐกิจแย่ ค่าเงินก็จะอ่อนค่าลงไปด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐศาสตร์มหภาคจะทำให้เราทราบถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในปัจจุบันและในอนาคต
- ธนาคารกลาง — ธนาคารกลางเป็นผู้ควบคุมนโยบายทางการเงินซึ่งโดยหลักแล้ว เท่ากับว่าธนาคารกลางจะสามารถปรับและลดอัตราดอกเบี้ยได้ หากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้น ค่าเงินก็อาจจะปรับตัวขึ้นตาม แต่หากมีการคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำลง ก็อาจบ่งชี้ว่าค่าเงินจะอ่อนลง
- เหตุการณ์ทางการเมือง — เหตุการณ์ต่างๆ เช่น สงคราม ข้อพิพาททางการค้า เหตุสุดวิสัย (เช่น แผ่นดินไหว) การเลือกตั้งผู้นำจะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องการเมืองในภาพกว้าง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินอย่างเห็นได้ชัด
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค — การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการศึกษากราฟเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเทรด เมื่อคู่สกุลเงินทะลุระดับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เรียกว่าแนวรับและแนวต้าน ตลาดก็อาจเคลื่อนไหวอย่างผันผวนมากขึ้นในบางครั้ง
สกุลเงินที่ได้รับความนิยมในการเทรด
สกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเทรดค่าเงินก็คือสกุลเงินของประเทศที่สำคัญทั่วโลกซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว เรียกกันโดยทั่วไปว่าสกุลเงินหลัก”
คู่สกุลเงินสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของสกุลเงินหลักจะมีสกุลเงินเหล่านี้รวมอยู่ด้วย ได้แก่
- ดอลลาร์สหรัฐฯ
- ยูโร
- เยนญี่ปุ่น
- ปอนด์อังกฤษ
- ฟรังก์สวิส
- ดอลลาร์แคนาดา
- ดอลลาร์ออสเตรเลีย
สกุลเงินเหล่านี้แต่ละสกุลที่เทรดคู่กันจะถือเป็นสกุลเงินหลัก ตัวอย่างเช่น EURUSD, USDJPY, GBPUSD, USDCHF, USDCAD, AUDUSD และ NZDUSD
โอกาสอื่นๆ ในการเทรดค่าเงิน
นอกจากสกุลเงินหลักแล้ว ตลาดเงินก็ยังมีช่องทางอื่นๆ อีก ซึ่งได้แก่สกุลเงินที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนข้ามสกุล (Cross Rate) และสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM)
- สกุลเงินที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนข้ามสกุลเป็นสกุลเงินที่ไม่รวมเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงอาจเป็นเงินยูโร-ปอนด์อังกฤษ (EURGBP) หรือดอลลาร์ออสเตรเลีย-เยนญี่ปุ่น (AUDJPY)
- สกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่อาจเป็นเรอัลบราซิล (BRL), รูเบิลรัสเซีย (RUB), รูปีอินเดีย (INR) และหยวนจีน (CNY)
ตัวอย่างการเทรดค่าเงิน
If you had an unfavourable view for the Euro, perhaps because you felt that หากคุณมองว่าเงินยูโรน่าจะเคลื่อนไหวในทางลบเพราะคุณรู้สึกว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนกำลังไปได้ไม่ดีนักและน่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกสักพัก คุณก็อาจจะ Short เงินยูโร
นอกจากนี้ คุณอาจมีมุมมองว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรกำลังดูแข็งแกร่งและข้อมูลในระยะสั้นน่าจะสะท้อนความแข็งแกร่งดังกล่าวออกมาและดีกว่าตัวเลขที่คาด
ในกรณีเช่นนี้ คุณอาจต้องการแสดงออกโดยขายเงินยูโรและซื้อเงินปอนด์อังกฤษ โดยอาจเปิดสถานะ Short ในคู่สกุลเงิน EURGBP
สมมุติว่าคุณขาย EURGBP ที่ 0.8500 โดยมีเป้าว่าจะปรับตัวลงมาที่ 0.8000 จากนั้นคุณอาจตั้ง Stop loss ไว้ที่ 0.8700 ในกรณีที่คู่สกุลเงินเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม
- หากตลาดปรับตัวลงไปที่ 0.8000 คุณก็จะได้กำไร
- แต่หาก EURGB ปรับตัวขึ้นไปที่ 0.8700 คุณก็จะปิดสถานะโดยขาดทุน
การเทรดค่าเงินกับ Hantec Markets
คุณสามารถเทรดค่าเงินต่างๆ ที่หลากหลายกับเราได้ เช่น EURUSD, GBPUSD, USDJPY, EURGBP, GBPCAD, EURSEK, USDMXN, USDZAR
ดูรายชื่อทั้งหมดได้ที่นี่